วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดการใช้เงิน กับบทความ สิ่งที่ทำให้เงินไม่พอใช้ ไม่เหลือเก็บในทุกเดือน แม้จะหาได้เยอะก็ต าม ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บบ้าง
พูดกันติดปาก ตั้งแต่วัยทำงาน จนถึงวัยเกษียณ ว่าหาเงิ น มาจ่ายออ กหมด หาเ งินได้เท่าไหร่ ก็ไม่พอจ่าย หาเงิ น มาไม่ทันได้ใช้ หาเ งิน มาได้ ก็ไม่เคยมีเงิ นเก็บ คนทำงานทุกคน ต่างต้องการเงิ นเดือนสูงๆ รายได้เยอะๆกันทั้งนั้น อย่ างน้อยที่สุด ก็ขอให้ได้เ งินเดือนที่พอใช้จ่ายตลอ ดเดือน เหลือเก็บบ้างเล็กน้อยก็ยังดี แต่สภาพสังคมปัจจุบัน ชีวิตของคนทำงาน มีสิ่งที่ทำให้ต้องเสียเงิ น เสียค่าใช้จ่าย
ค่ามากขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นรายจ่ายที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเปลี่ยนแปลง หรือลดรายจ่าย ไม่ได้เช่น ค่าผ่อนชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำในแต่ละเดือน ค่าผ่อนสินค้า ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเสริมสวย – ซื้ อเครื่องสำอางค่า ใช้บริการฟิตเนส ค่าน้ำมันรถ รายจ่ายเหล่านี้ เป็นการจ่ายเพื่อสิ่งที่ ‘อาจไม่จำเป็นต้องมี ต้องทำหรือต้องเป็น’ แต่ก็ยังดีกว่ารายจ่าย ในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เช่น ค่าเห ล้า ค่าบุ หรี่ ค่าห ว ย หรือค่าใช้จ่าย สำหรับอบายมุขต่างๆ เงิ นเดือนเท่าไหร่ จึงจะพอ กับความต้องการ จึงเป็นปัญหาโลกแตก สำหรับคนทำงานหล า ยคน มีรายได้มากกว่าตอนเริ่มต้นทำงาน
แต่ก็ยังไม่พอ ใช้จ่ายไม่พอใช้ห นี้ ลองมองย้อนกลับไปในอ ดีต หากเราไม่ก่อห นี้ โดยเฉพาะห นี้บัตรเครดิต เพื่อซื้ อสิ่งที่ต้องการอย่ างง่ายๆ ป่านนี้คงมีเ งินเก็บมากมาย หากคนทำงานอย่ างคุณ จ่ายค่าเห ล้า ค่าบุห รี่ในแต่ละวัน เท่าค่าใช้จ่ายประจำวัน โดยเฉพาะค่าข้าว ถ้างดเหล้ า งดบุ ห รี่ ในแต่ละเดือน
จะเหลือเงิ นค่าข้าวเป็นสองเท่าเลยทีเดียว! หากคุณมีรายได้หลักพัน หรือหลักหมื่นต้นๆ แต่ซื้ อเสื้อผ้าเครื่องประดับ ร า ค าแพง ใส่ไปทำงาน ใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องละหล า ยหมื่น ที่ยังต้องผ่อน ดื่มกาแฟแก้วละเกือบร้อย แม้จะเป็นความสุขของคนทำงาน ที่ถือเป็นการให้รางวัลตัวเอง จากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อย แต่ความทุ ก ข์ที่ต้องจ่าย หรือเป็นห นี้จะต ามมาในภายหลัง พฤติกร รมและการใช้ชีวิตเช่นนี้ ส่ งผลให้คนทำงานส่วนใหญ่ มีห นี้สินแม้แต่คนที่ทำงานได้เงิ นเดือนสูง แต่บริหารรายได้ของตนเองไม่ดี
ก็ไม่เหลือเ งินเก็บ เพราะส่วน มากได้เงิ นเยอะ ก็ใช้เยอะต ามไปด้วย นี่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้อง กับความอย ากได้อย ากมีของคน ยกตัวอย่ างง่ายๆ ตอนเป็นเด็ก คุณอาจจะคิดว่ามีเ งินแค่ 1 ล้านบาท ก็ถือว่าร ว ยแล้ว แต่เมื่อโตขึ้น มา เงิ น 1 ล้านบาท อาจจะเป็นเ งินจำนวนที่น้อยมาก ในสายต าคุณ นั่นก็เพราะกิเลสไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งคนเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่
กิเลสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ต าม’สภาพและฐานะนุรูป ที่คุณต้องสร้างภาพให้ปรากฏแก่สังคม’ ดังนั้นถึงจะมีเท่าไร ก็ไม่พอใช้ เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้น ลองพิจารณาดูว่าในช่วงเริ่มต้น ชีวิตการทำงานคุณ อาจมีรายได้แค่หลักพัน หรือหลักหมื่นต้นๆ จากรายได้ที่เพียงพอต่อ การใช้ชีวิต ในหนึ่งหนึ่งเดือน เมื่อคุณมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ รายได้ก็เกิดการไม่พอใช้ ต้องหมุนเงิ นเดือนชนเดือน หลังจากนั้นคุณก็จะเริ่มคิดว่า ถ้ามีเ งินเดือนสามหมื่นบาท
ก็คงพอค่าใช้จ่ายอยู่ได้สบายๆ แต่เมื่อเ งินเดือนคุณถึงสามหมื่นเมื่อไหร่ ก็กลับเข้าสู่พฤติกรร มเดิม เงิ นสามหมื่นที่คิดว่าพอ สุดท้ายก็ไม่พออยู่ดี จากที่เคยคิดว่า ‘ใช้เท่าไหร่ก็ยังไม่พอ’ พย าย ามเปลี่ยน มาเป็น’อย า กเก็บออมให้ได้เยอะที่สุด จนรู้สึกว่าออมเท่าไหร่ ก็ยังออม ไม่พอ’ หรือสร้างห นี้ได้ แต่ต้องเป็น’ห นี้เพื่ออนาคต’ ออมเงิ นกับประกันชีวิต และฝากเงิ นกับธนาคาร จะได้สบายตอนแก่
หรือมีเงิ นเก็บไว้ใช้ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ประเมินรายจ่ายจาก เ งินเดือน หรือรายรับอื่นๆ ก่อนเสมอ เพื่อจัดสรรเงิ นเดือน เป็นส่วนๆคิดว่าควรจ่ายอะไรเท่าไหร่บ้าง จะได้รู้ว่าที่จ่ายไปแต่ละเดือน จนไม่เหลือ กินเหลือเก็บนั้น รายจ่ายส่วนใดที่ไม่มีความจำเป็น ก็ค่อยๆตัดออ กไป เรียกง่ายๆว่าใช้จ่ายอย่ างประหยัด หากเก็บออม 1 ปี ได้สัก 8 หมื่น
เก็บออมได้ 3 ปี เป็น 2 แสน 4 หมื่น ระหว่างนั่นอาจจะไปฝากธนาคารลงทุน ก็จะมีเงิ นเก็บเพิ่มได้ แม้ในอนาคตข้าวของเครื่องใช้จะขึ้นร า ค า คุณก็ไม่เดือ ดร้อนอะไร ถ้าเทียบกับคนที่ทำงาน มา 3 ปี เท่ากัน แต่ไม่มีเ งินเก็บ แม้แต่บาทเดียว ที่สำคัญคุณจะมีเงิ นสำรองนอนนิ่งๆไว้ใช้ได้ย ามฉุกเฉิน เช่น ย ามเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ที่ทำให้คุณไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป!
ที่มา moneyhub, yakrookaset