เมื่อเราอายุมากขึ้น สิ่งที่เราควรทำก็คือ การใส่ใจตัวของเราเองให้มากที่สุด คนอื่นๆที่เราแคร์นั้น ก็ให้ลดลงบ้าง เพราะเราไม่สามารถแคร์คนได้หมดทุกคน แค่ดูแลและแคร์คนที่คุณรักและรักคุณ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ อ ย่ าเอาเวลาของเรา
ไปแคร์ความรู้สึกคนอื่น ที่ไม่ได้มีผลกับชีวิตเราเลย อ ย่ าลืมนะว่าเรานับวันก็ยิ่งแก่ลงไปเรื่อยๆ หัน มาใส่ใจตัวเองจะดีกว่า เพราะอ ย่ าลืมว่า เราต้องอยู่กับตัวเราเองไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต อ ย่ ามัวแต่เอาเวลาไปแคร์คนอื่น จนไม่ได้แคร์ตัวเอง เพราะไม่อ ย่ างนั้นเราอาจจะต้องเ สี ยใจหรือใช้ชีวิต ไม่มีความสุขในบั้นปล า ยของชีวิตของเราก็เป็นได้
1. หยุดลังเลเกี่ยวกับการทำงานและการหางานใหม่
เมื่ออายุย่างเข้าวัย 50 คุณควรจะมีงานที่มั่นคง และเป็นงานที่คุณรักจริงๆ ได้แล้ว เพราะถ้างานนั่นไม่ใช่ตัวตนของคุณ มันก็คงจะสายเกินไปที่จะไปเริ่มใหม่ จงอ ดทนทำต่อไป เพราะคุณคุ้นชินกับมันแล้ว ถ้าจะหางานใหม่น่าจะเป็นงานที่คุณ อย ากทำหลังเกษียณมากกว่า
2. ลดการทำงานหนักได้แล้ว
ถ้าคุณเป็น มนุษย์เงินเดือนภาคเอกชน อายุ 50 ถ้ายังไม่ขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร แสดงว่า คุณคงไม่อยู่สายต าเจ้านายเท่าไร อ ย่ าเ สี ยพลังชีวิตไปกับการทำงานหนักเลย ใช้เวลาดูแลสุ ข ภ า พตัวเองให้มากขึ้นจะดีกว่า ถ้าคุณขึ้นเป็นระดับผู้บริหารที่ต้องทำงานหนักเพื่อบริษัท
ก็จัดสรรเวลาให้กับครอบครัว และสุ ข ภ า พตัวคุณเองบ้าง ถ้าคุณเป็นข้าราชการ คุณมีความมั่นคง และมีเวลาว่างพอสมควรแล้ว ใช้เวลาดูแลสุ ข ภ า พและเตรียม งานอ ดิเรกหลังเกษียณได้เลย เช่นกัน ถ้าคุณทำงานอิสระ freelance คุณสามารถทดลองเกษียณล่วงหน้าได้เลย
ถ้าคุณมีเงินพอต ามข้อ 1 แล้ว ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณคงต้องเริ่มหาผู้ช่วยมือขวาที่ไว้ใจได้ มาช่วยคุณบริหารงานได้ โดยคุณสามารถออ กมา ดูแลห่างๆได้ แต่อ ย่ าหวังว่า ลูกของคุณจะรับภาระนี้ ปล่อยให้เขาเลือ กทางเดินชีวิตเองเถิด
3. หยุดทำร้ า ยร่างกายของคุณ
เช่น การเ ม าค้าง สู บ บุ ห รี่ อ ดนอน อ า ห า ร ข ย ะ กินโดยไม่ประมาณ ขับรถเร็ว และหันกลับมา ดูแลร่างกายด้วยการออ กกำลังกาย หล า ยๆ คนคงจะผลัดวันและเลี่ยงการออ กกำลังกาย มาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาวแล้ว แต่เมื่ออายุเลขขึ้นห้า หมายความว่า ร่างกายคุณกำลังจะร่วงโรยแล้ว ดังนั้นควรหัน มาใส่ใจกับการออ กกำลังกายจริงๆ เ สี ยที
4. เลิกแคร์ว่า คนอื่นในสังคมจะคิดถึงคุณอ ย่ างไร
หน้ากากและหัว โ ข น จะอยู่กับคุณอีกไม่ถึงสิบปี หัดที่จะปล่อยวาง และลดตัวตนของคุณลงบ้าง กลับไปหาเพื่อนที่ดีและจริงใจกับคุณจริงๆออ กห่างจากคนที่ไม่จริงใจกับคุณ หรือคนที่มาเพียงเพื่อจะเอาประโยชน์จากตัวคุณ หรือเอาเปรียบคุณ
5. หยุดการใช้จ่ายเงินอ ย่ างฟุ่มเฟือย
ถ้าคุณเริ่มคิดเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะสายไปแล้วนะ อายุเกิน 50 เท่าไร คุณควรมีเงินสะสม ที่ใช้หลังเกษียณต่อปี บวกไปอีก 10 ปี เช่น อายุ 51 ควรมีเงินสะสม 10+1=11 ปี อายุ 52 ควรมีสะสม 12 ปี อายุ 60 ควรมีเงินสะสม 20 ปี นั่นเป็นตัวเลขโดยประมาณว่า คุณจะลาโลกตอนที่อายุ 80 ปี
6. หยุดนึกถึงความล้มเหลวในอ ดีตที่ผ่าน มา
เพราะการคิดถึงแต่เรื่องร้ า ยๆ ที่ผ่าน มา จะทำให้ความสุขที่คุณควรจะได้รับในปัจจุบันห า ยไป คิดเสมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณ แต่ลงมือทำเสมือนว่าคุณยังมีอายุยืนย าวได้ถึงแปดสิบ
7. เลิกกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
เช่น ถุงใต้ต า, ตีนกา, เหนียงที่คอ หรือรอยย่นทั้งหล า ย ริ้วรอยเหล่านี้เป็นตัวบอ กถึงประสบการณ์ ที่คุณผ่านร้อนผ่านหนาวมา คุณไม่สามารถ ห ลี ก เลี่ยงความแก่ได้ จงภูมิใจกับมัน ยอมรับมัน และจงแก่อ ย่ างสง่างาม
9. หยุดการเล่นอินเทอร์เน็ตที่มากเกินไป
คุณควรเริ่มทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน และมีคุณค่าดีกว่าเ สี ยเวลากับ Social Network ยกเว้นว่าคุณใช้ในการติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆ หรือหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์
การเล่น FB เล่น Line เล่นได้ แต่ต้องมีการจำกัดเวลา เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คุณเ สี ยเวลาและได้ประโยชน์น้อย สำหรับคนที่มีครอบครัว กลับมาดูแลคู่ชีวิตและลูกของคุณให้มากขึ้น
เขาเหล่านั้นเป็นคนที่หวังดีกับคุณเต็มร้อยโดยไม่มีเงื่อนไข สำหรับชายโสด ไม่ง่ายที่จะหาคู่ชีวิตที่รักตัวคุณ มากกว่ากระเป๋าสต างค์ของคุณ หาหมามาเลี้ยงยังง่ายกว่า สำหรับหญิงโสด คุณคงเคยชินกับชีวิตโสดแล้ว และรู้ว่าอยู่คนเดียวสบายที่สุดแล้ว
10. หยุดปิดกั้นจิตใจตัวเองที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ช่วงเวลาที่ผ่าน มา คุณอาจจะพลาดอะไรหล า ยๆไป เพราะการปิดใจตัวเองไว้ เพียงแค่ลองเปิดใจและเรียนรู้ คุณจะพบว่าโลกมันกว้างกว่าที่คุณคิด อายุเลขห้า ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อ การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ คบกับเ ด็ กรุ่นใหม่บ้าง จะได้เข้าใจสังคมปัจจุบัน มากขึ้น และลดปัญหาช่องว่างระหว่างวัย
ที่มา verrysmilejung bohatto